
วิธีง่ายๆ ในการเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศ ให้เหมาะกับขนาดห้อง
ประเทศไทยเป็นเมืองร้อน ถึงแม้จะมีฤดูฝนกับฤดูหนาวเข้ามาประปรายให้พอชุ่มฉ่ำ แต่ยังหนีไม่พ้นอากาศที่ร้อนระอุ ยิ่งในวันที่ตัวเลขอุณหภูมิทะยานขึ้นสู่ 36 องศา สิ่งที่ทำให้เราทุกคนยังคงใช้ชีวิตและทำงานต่อไปได้อย่างราบรื่น คงหนีไม่พ้นเครื่องปรับอากาศหรือ ‘แอร์’ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ผลิตลมเย็นให้กับเรา ซึ่งปัจจุบันแทบจะกลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกบ้านทุกครอบครัว ยิ่งในช่วงนี้ไวรัสกำลังแพร่ระบาดบวกกับการที่ต้องกักตัวทำงานที่บ้านกันมากขึ้น… จึงทำให้แอร์ของเราทำงานหนักขึ้นเพื่อต่อสู้กับอากาศร้อน จนอาจเสื่อมประสิทธิภาพลงและกินไฟมากขึ้น ทำให้เราต้องจ่ายค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้นโดยไม่รู้ตัว
มาถึงตรงนี้ลูกบ้าน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ หลายๆ ท่านคงจะมีไอเดียอยากซื้อเครื่องปรับอากาศเพิ่มเพื่อเป็นแรงเสริม หรือสลับการใช้งานกับแอร์ตัวเก่าที่ทำงานหนักตลอดเวลา และเชื่อว่าหลายคนคงเกิดคำถามตามมาว่า ต้องเลือกแอร์แบบไหน? ขนาดเท่าไรถึงจะลงตัวกับบ้านและตอบโจทย์เรื่องการใช้งาน วันนี้เราจึงจะขอนำความรู้ง่ายๆ เกี่ยวกับการเลือกซื้อแอร์ให้เหมาะสมกับขนาดของห้องมาฝากกันค่ะ
ก่อนอื่นเราต้องมาทำความรู้จักก่อนว่าเจ้าเครื่องปรับอากาศหรือแอร์ ที่เราต้องการจะซื้อนั้นเป็นประเภทใด และยังต้องรู้จักเลือกขนาดของแอร์ให้เหมาะสมกับห้องด้วย พูดถึงตรงนี้หลายคนอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องยาก แต่ไม่เลยเราไปเริ่มกันที่ประเภทของแอร์กันก่อนค่ะ
หลังจากที่รู้จักกับประเภทเครื่องปรับอากาศที่นิยมใช้กันแล้ว เราจะพาไปรู้จักกับการคิดค่า BTU ต่อขนาดของห้อง เพื่อให้เหมาะกับการใช้งานและช่วยประหยัดพลังงานด้วย
BTU คือหน่วยที่ใช้วัดความเย็นของแอร์ ย่อมาจากคำว่า British Thermal Unit ถ้าแอร์มีจำนวน BTU สูง ก็ยิ่งมีความสามารถในการผลิตความเย็นได้มาก และมีประสิทธิภาพในการทำความเย็นในพื้นที่ขนาดใหญ่ขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็จะทำให้แอร์ใช้พลังงานในการทำความเย็นมากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งส่งผลต่อตัวเลขค่าไฟรายเดือนที่จะตามมา
ดังนั้นการเลือกแอร์ให้เหมาะสมกับห้อง จึงควรเลือกจากขนาด BTU ที่เหมาะสม นอกจากนี้ควรสำรวจภายในบ้านหรือห้องต่างๆ ว่ามีแสงแดดส่องเข้าถึงห้องมากน้อยแค่ไหน ทิศทางของห้อง และเฟอร์นิเจอร์ในห้อง ตามข้อมูลดังต่อไปนี้ค่ะ
เหมาะกับห้องขนาด 12-15 ตร.ม. ที่ไม่โดนแดดจัด
เหมาะกับห้องขนาด 10-14 ตร.ม. ที่ต้องรับแดดมาก
เหมาะกับห้องขนาด 16-20 ตร.ม. ที่ไม่โดนแดดจัด
เหมาะกับห้องขนาด 14-18 ตร.ม. ที่ต้องรับแดดมาก
เหมาะกับห้องขนาด 24-30 ตร.ม. ที่ไม่โดนแดดจัด
เหมาะกับห้องขนาด 21-27 ตร.ม. ที่ต้องรับแดดมาก
เหมาะกับห้องขนาด 28-35 ตร.ม. ที่ไม่โดนแดดจัด
เหมาะกับห้องขนาด 25-32 ตร.ม. ที่ต้องรับแดดมาก
เหมาะกับห้องขนาด 32-40 ตร.ม. ที่ไม่โดนแดดจัด
เหมาะกับห้องขนาด 28-36 ตร.ม. ที่ต้องรับแดดมาก
เหมาะกับห้องขนาด 35-44 ตร.ม. ที่ไม่โดนแดดจัด
เหมาะกับห้องขนาด 30-99 ตร.ม. ที่ต้องรับแดดมาก
เหมาะกับห้องขนาด 40-50 ตร.ม. ที่ไม่โดนแดดจัด
เหมาะกับห้องขนาด 35-45 ตร.ม. ที่ต้องรับแดดมาก
รู้เช่นนี้แล้วสิ่งแรกที่ควรทำการบ้านก่อนไปซื้อเครื่องปรับอากาศ คือ ทราบขนาดพื้นที่ห้อง เพราะหากห้องมีขนาดเล็กแต่เลือกแอร์ BTU ใหญ่เกินไป นอกจากสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายตอนซื้อโดยใช่เหตุแล้ว ค่าใช้จ่ายในการติดตั้งก็จะมีราคาสูงอีกด้วย หรือถ้าเป็นห้องขนาดใหญ่แต่เลือกแอร์ BTU เล็กเกินไป นอกจากทำให้ห้องไม่เย็น เปลืองไฟแล้ว ยังทำให้แอร์ทำงานหนักเพื่อต่อสู้กับอุณหภูมิของอากาศภายนอกจนอาจทำให้แอร์เสื่อมสภาพก่อนเวลาก็เป็นได้
ดังนั้น เพื่อให้การลงทุนกับเครื่องปรับอากาศได้รับประโยชน์และเกิดความคุ้มค่าที่สุด ท่านจึงควรเปรียบเทียบขนาดของห้องและเลือกแอร์ขนาด BTU ที่เหมาะสม และอย่าลืมดูฉลากระบุว่าประหยัดไฟเบอร์ 5 ด้วยนะคะ รวมไปถึงฉลาดจัดบ้านในหน้าร้อน เพื่อที่ร้อนนี้ที่คุณต้องทำงานอยู่บ้านจะได้เย็นสบาย แถมสบายใจเรื่องค่าไฟฟ้าอีกด้วยค่ะ
ติดตามเรื่องราวดีๆ อื่นๆ ได้ที่ https://www.lh.co.th/th/lh-living-concept/living
ขอบคุณภาพสวยๆ จากโครงการ บ้านพฤกษ์ลดา / บ้านชัยพฤกษ์ / ทาวน์โฮม indy