การเตรียมความพร้อมภายในบ้านสำหรับผู้สูงอายุให้เป็นพื้นที่แห่งความปลอดภัย เป็นสิ่งที่ลูกหลานในครอบครัวไม่ควรมองข้าม เพราะอุบัติเหตุส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นกับผู้สูงวัย มักเกิดขึ้นภายในบ้านนั่นเอง แต่จะจัดเตรียมบ้านสำหรับผู้สูงอายุให้ปลอดภัยได้อย่างไร บทความนี้มีคำตอบ

บ้านสำหรับผู้สูงอายุมีจุดไหนที่ควรใส่ใจเป็นพิเศษบ้าง?

1. 1. ทางเข้าออกภายในและภายนอกบ้านสำหรับผู้สูงอายุ

ทางเดินทั้งหมดภายในบ้านเป็นพื้นที่ที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง ดังนั้นบ้านผู้สูงอายุควรปรับให้ทางลาดภายนอกบ้านเป็นพื้นผิวที่มีระดับราบเดียวกัน ไม่เสี่ยงต่อการสะดุด โดยควรมีความกว้าง 90-150 ซม. และความยาวไม่ควรเกิน 6 เมตร 

สำหรับทางเข้าภายในบ้านผู้สูงอายุควรมีระดับพื้นเดียวกับพื้นภายนอก ความกว้างของประตูทางเข้าออกในแต่ละจุดกว้าง 1.5-2 เมตร และควรใช้บานสไลด์ในบริเวณที่ผู้สูงวัยใช้บ่อยๆ รวมถึงเพิ่มการติดโคมไฟหรือแสงไฟให้ความสว่างทั่วบริเวณหลีกเลี่ยงโคมไฟชนิดที่ยื่นออกจากผนังเพราะอาจเสี่ยงต่ออุบัติเหตุ รวมถึงติดตั้งราวจับทรงตัวเพื่อช่วยในการเดิน

1. 2. บ้านสำหรับผู้สูงอายุควรใช้วัสดุปูพื้นแบบกันลื่นหรือกันกระแทก

พื้นคืออีกปัจจัยสำคัญสำหรับบ้านผู้สูงอายุที่ห้ามมองข้ามโดยเด็ดขาด เพราะอุบัติเหตุยอดฮิตอย่างการล้มมักเกิดจากการลื่นภายในบ้าน ดังนั้นบ้านผู้สูงอายุจึงต้องเลือกวัสดุปูพื้นที่เหมาะสมกับพื้นที่ต่างๆ ของบ้าน โดยควรดูจากค่าความเสียดทานบนผิวหน้ากระเบื้อง หรือ ค่า R และหากมีคุณสมบัติที่ช่วยลดแรงกระแทกได้ด้วย ก็จะยิ่งช่วยลดความรุนแรงของการลื่นล้มได้มากขึ้น โดยค่าความเสียดทานที่เหมาะสม ได้แก่ ค่า R9 สำหรับพื้นที่ภายใน เช่น ห้องนั่งเล่น ห้องนอน เป็นต้น, ค่า R10 สำหรับพื้นที่เปียกน้ำ เช่น ห้องน้ำ เป็นต้น และค่า R11 สำหรับพื้นที่ภายนอกอาคาร

1. 3. ควรติดตั้งอุปกรณ์ความปลอดภัยในบ้านสำหรับผู้สูงอายุ

สำหรับอุปกรณ์เพิ่มความปลอดภัยที่ควรติดตั้งในบ้านผู้สูงอายุ ส่วนใหญ่จะเป็นอุปกรณ์ในการช่วยพยุงและอุปกรณ์ช่วยเหลือในยามฉุกเฉิน โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ผู้สูงวัยใช้เวลาบ่อยๆ เช่น ห้องนอน ห้องนั่งเล่น หรือห้องน้ำ ควรติดตั้งราวจับช่วยพยุงที่มีความสูงจากพื้นไม่เกิน 80-90 เซนติเมตร รวมถึงติดตั้งอุปกรณ์ช่วยเหลือยามฉุกเฉินสำหรับบ้านผู้สูงอายุในบริเวณพื้นที่เสี่ยง เช่น บริเวณห้องน้ำ หรือห้องนอน โดยควรติดตั้งในระดับความสูงและระยะที่เอื้อมถึงได้สะดวก และติดตั้งตัวรับสัญญาณในบริเวณที่สมาชิกในบ้านสามารถได้ยินอย่างทั่วถึง

         4.ตำแหน่งห้องนอนของผู้สูงอายุควรอยู่ตรงไหน

แน่นอนว่าผู้สูงวัยย่อมเคลื่อนไหวไม่สะดวกคล่องแคล่วเช่นคนหนุ่มสาว ดังนั้นทางที่ดีที่สุดสำหรับบ้านผู้สูงอายุจึงควรจัดให้ “ห้องนอนอยู่บริเวณชั้นล่าง “ ในระยะที่สามารถเชื่อมต่อกับพื้นที่กิจกรรมสำหรับสมาชิกในครอบครัวอย่าง ห้องนั่งเล่น ห้องทานข้าว หรือห้องครัว ได้สะดวก เพื่อลูกหลานจะได้ดูแลอย่างใกล้ชิดและเพิ่มความอบอุ่นให้กับผู้สูงวัย แต่หากจำเป็นที่ต้องจัดห้องนอนไว้บริเวณชั้นบน ก็ควรติดตั้งราวจับช่วยพยุงตลอดทางขึ้นบันได หรือจัดให้มีเก้าอี้เลื่อนสำหรับผู้สูงวัยที่เคลื่อนไหวลำบาก

       5. จัดพื้นที่สวนเพิ่มความสดชื่นในบ้านสำหรับผู้สูงอายุ

สีเขียวคือสีที่ช่วยฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจ กระตุ้นความมีชีวิตชีวาของคนในบ้าน การมีพื้นที่สวนภายนอกจึงช่วยเพิ่มความสดชื่น เสริมสุขภาพจิตที่ดีให้กับผู้สูงวัย โดยควรเป็นสวนที่มีความเรียบสม่ำเสมอกัน วัสดุปูพื้นที่ไม่ลื่นและช่วยลดแรงกระแทก รวมถึงติดตั้งราวจับทรงตัวเพื่อช่วยในการเดิน หากสามารถจัดห้องนอนของผู้สูงวัยให้มองเห็นหรือเชื่อมต่อกับสวนข้างบ้าน จะยิ่งช่วยเสริมสร้างสภาพจิตใจให้กับผู้สูงวัยได้ดียิ่งขึ้น

โดยสรุป การจัดพื้นที่ภายในบ้านผู้สูงอายุที่ดีที่สุด ควรเลือกพื้นที่บริเวณชั้นล่างของบ้านให้เป็นพื้นที่หลักของกิจกรรมทุกด้านสำหรับผู้สูงวัย โดยเฉพาะห้องนอนที่ควรจัดให้มีห้องน้ำภายในตัว และเชื่อมต่อกับโซนอื่นๆ ของบ้าน เพื่อลดการเคลื่อนไหวและความเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุ 

และสำหรับใครที่กำลังมองหาบ้านสำหรับผู้สูงอายุ อย่าลืมมองข้ามความสำคัญเหล่านี้ และใส่ใจเรื่องการอยู่อาศัยที่มากขึ้นเหมือนกับที่บ้านแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ก็มีแบบบ้านหลายแบบ ที่มี “ห้องชั้นล่าง” รองรับ เพื่อเตรียมเป็นพื้นที่พักผ่อน สำหรับครอบครัวที่มองหาบ้านรองรับผู้สูงวัยที่เรารักด้วยเช่นกัน สำหรับผู้สนใจ บ้านพร้อมห้องชั้นล่าง สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 1198 

ติดตามไอเดียเเต่งบ้านเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จาก LH คลิก https://www.lh.co.th/th/lh-living-concept/living

ขอบคุณภาพจากโครงการ มัณฑนา Westgate , NANTAWAN ปิ่นเกล้า-กาญจนา