
เทคนิคการเลือกซื้อแอร์อย่างไรให้เหมาะกับขนาดห้องและช่วยประหยัดไฟ
ประเทศไทยมี 3 ฤดู คือ ร้อน ร้อนมาก และร้อนที่สุด! แม้จะมีพายุฝนให้พอชุ่มฉ่ำอยู่บ้าง ก็ยังหนีไม่พ้นแสงแดดอุ่นๆ ถึงอุ่นมาก ไอเทมสุดคูลที่ช่วยกู้สภาพอากาศให้ดีขึ้นได้ จึงหนีไม่พ้นการเลือกแอร์ หรือเครื่องปรับอากาศ ซึ่งปัจจุบันแทบจะกลายเป็นสิ่งจำเป็นที่แทบทุกบ้านต้องมี ยิ่งร้อนยิ่งเร่งแอร์จนเป็นการเร่งค่าไฟทางอ้อมและอาจทำให้แอร์ทำงานหนักมากจนเกินไป แต่เราสามารถลดปัญหาต่างๆ เหล่านี้โดยการเลือกเครื่องปรับอากาศที่เหมาะกับขนาดห้อง!
เลือกแอร์แบบไหน เหมาะกับห้องยังไงบ้าง ?
เพราะการเลือกแอร์ให้เหมาะกับห้อง ไม่ใช่แค่เรื่องของขนาดแอร์ หรือขนาดของ BTU แต่ยังเกี่ยวกับประเภทของแอร์ ว่าต้องเลือกแอร์แบบไหน? ถึงจะตอบโจทย์การใช้งานและลักษณะห้องที่แตกต่างในแต่ละพื้นที่ อยากเลือกแอร์ให้ดี เราจึงขอเริ่มกันที่ประเภทของแอร์กันก่อน ดังนี้
เมื่อเราได้รู้จักกับเครื่องปรับอากาศ หรือแอร์แต่ละประเภทกันแล้ว ต่อไปเราจะพาไปรู้จักกับการคิดค่า BTU หรือ British Thermal Unit ต่อขนาดพื้นที่ของห้อง เพื่อให้เราได้แอร์ที่เหมาะกับลักษณะห้อง เพื่อให้เหมาะกับการใช้งานพร้อมช่วยประหยัดพลังงานด้วย
เช็กขนาด BTU ให้เหมาะกับพื้นที่ห้อง เลือกแบบนี้จะดีไหม ?
BTU (British Thermal Unit) คือ หน่วยที่ใช้วัดความเย็นของแอร์ ยิ่งแอร์ที่มีจำนวน BTU สูง ก็ยิ่งมีความสามารถในการผลิตความเย็นได้มาก และมีประสิทธิภาพในการทำความเย็นในพื้นที่ขนาดใหญ่ขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็จะทำให้แอร์ใช้พลังงานในการทำความเย็นมากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งหมายความว่าจะส่งผลต่อตัวเลขค่าไฟรายเดือนที่จะตามมานั่นเอง ดังนั้นการเลือกแอร์ให้เหมาะสมกับห้อง จึงควรเลือกขนาดแอร์ที่มี BTU ที่เหมาะสม โดยควรคำนวณร่วมกับพื้นที่และสภาพอากาศภายในบ้าน ว่ามีแสงแดดส่องเข้าถึงห้องมากน้อยแค่ไหน ดังนี้
สูตรคำนวณค่า BTU :
ค่า BTU = พื้นที่ของห้อง (ขนาดกว้าง x ยาว) x ระดับความแตกต่าง
ระดับความแตกต่าง คือ ระดับความร้อนช่วงเวลากลางวันและกลางคืน
ห้องที่ใช้ตอนกลางวัน มีระดับความต่างประมาณ 800
ห้องที่ใช้เฉพาะเวลากลางคืน มีระดับความต่างประมาณ 700
BTU | ห้องปกติ | ห้องโดนแดด |
9,000 BTU | ห้องขนาด 12-15 ตร.ม. | ห้องขนาด 10-14 ตร.ม. |
12,000 BTU | ห้องขนาด 16-20 ตร.ม. | ห้องขนาด 14-18 ตร.ม. |
18,000 BTU | ห้องขนาด 24-30 ตร.ม. | ห้องขนาด 21-27 ตร.ม. |
21,000 BTU | ห้องขนาด 28-35 ตร.ม. | ห้องขนาด 25-32 ตร.ม. |
24,000 BTU | ห้องขนาด 32-40 ตร.ม. | ห้องขนาด 28-36 ตร.ม. |
25,000 BTU | ห้องขนาด 35-44 ตร.ม. | ห้องขนาด 30-99 ตร.ม. |
30,000 BTU | ห้องขนาด 40-50 ตร.ม | ห้องขนาด 35-45 ตร.ม. |
สิ่งแรกที่ควรทำก่อนเลือกขนาดแอร์คือ การเช็กขนาดพื้นที่ห้อง เพราะหากห้องมีขนาดเล็กแต่เลือกแอร์ BTU ใหญ่เกินไป นอกจากจะสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายตอนซื้อโดยใช่เหตุแล้ว ค่าใช้จ่ายในการติดตั้งก็จะมีราคาสูงอีกด้วย หรือถ้าเป็นห้องขนาดใหญ่แต่เลือกแอร์ BTU เล็กเกินไป นอกจากทำให้ห้องไม่เย็น เปลืองไฟแล้ว ยังทำให้แอร์ทำงานหนักเพื่อต่อสู้กับอุณหภูมิของอากาศภายนอกจนอาจทำให้แอร์เสื่อมสภาพก่อนเวลาก็เป็นได้
ส่องทริคยืดอายุแอร์ ช่วยแชร์ความเย็นให้ยาวขึ้น!
แม้เราจะพอทราบดีว่าเครื่องปรับอากาศ หรือแอร์ จะเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีอายุการใช้งานค่อนข้างยาวนาน ทั้งตัวเครื่องปรับอากาศที่มีอายุการใช้งานอยู่ที่ประมาณ 10-15 ปี หรือน้ำยาแอร์ที่หากไม่ซึม ไม่รั่วก็ใช้กันไปยาวๆ ราว 5-10 ปี แต่ความยืดยาวที่ว่าก็หดสั้นลงได้ตามกาลเวลาและวิธีดูแลรักษาของเรา ซึ่งนอกจากการทำความสะอาดทุกๆ 6 เดือนแล้ว การติดตามคุณภาพแอร์อย่างต่อเนื่อง ยังเป็นวิธีช่วยให้แอร์เย็นฉ่ำและพร้อมใช้งานกันไปยาวๆ ได้อีกด้วย
เลือกมุมเหมาะในการติดตั้ง
เพื่อให้การลงทุนกับเครื่องปรับอากาศได้รับประโยชน์และเกิดความคุ้มค่าที่สุด เราจึงควรเปรียบเทียบขนาดของห้องและเลือกแอร์ขนาด BTU ที่เหมาะสม และอย่าลืมดูฉลากระบุว่าประหยัดไฟเบอร์ 5 ด้วยนะคะ รวมไปถึงฉลาดจัดบ้านในหน้าร้อน เพื่อที่ร้อนนี้ที่คุณต้องทำงานอยู่บ้านจะได้เย็นสบาย แถมสบายใจเรื่องค่าไฟฟ้าอีกด้วย
ติดตามเรื่องราวดีๆ อื่นๆ ได้ที่ https://www.lh.co.th/th/lh-living-concept/living
สามารถเยี่ยมชมโครงการได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00 – 17.30 น.
นัดหมายและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 1198